สถานีพัฒนาการเกษตรพื้นที่สูงตามพระราชดําริ บ้านสันติสุข-บ้านขุนกําลัง

Tanakorn Krisana Wiratkasem

             ปัจจุบันโครงการรับผิดชอบพื้นที่เป้าหมาย ๒ หมู่บ้าน มีพื้นที่โดยรวมมากกว่า ๔๖,๘๗๕ ไร่ ชุมชน ๕๐๐ หลังคาเรือน เป็นราษฎรชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ประมาณ ๒,๗๐๐ คน ซึ่งได้รับการส่งเสริมรอบด้านจากโครงการ ทำให้ราษฎรมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น สามารถสร้างงานให้ชุมชนมีอาชีพ มีที่ทํากินเป็นหลักแหล่ง มีรายได้ที่แน่นอนจากการรับจ้างโครงการ นอกจากนั้นยังมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการทำการเกษตรในพื้นที่ของตนเอง ทำให้การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า และแหล่งต้นน้ำ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เป็นป่าอุดมสมบูรณ์ที่ราษฎรได้ใช้เป็นแหล่งอาหาร แหล่งยารักษาโรค ทำให้ชุมชนได้อยู่กับธรรมชาติอย่างพึ่งพาอาศัยกัน

             ในอดีต ก่อนที่จะมีการจัดตั้งบ้านสันติสุข และบ้านขุนกําลัง พื้นที่บริเวณดอยผาจิ ตําบลขุนควร พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ใช้เป็นฐานที่มั่นแห่งหนึ่งในภาคเหนือ มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดน่าน ต่อมาภายหลังเมื่อ พคท. ยุติการเคลื่อนไหว และราษฎรตําบลขุนควรวางอาวุธแล้วเข้าร่วมเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย จึงได้มีการจัดตั้งบ้านสันติสุข และบ้านขุนกําลัง ขึ้น ในปี ๒๕๒๗ ถึงแม้ว่าบ้านสันติสุข และบ้านขุนกําลัง จะเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง ได้รับความรู้จากผู้คนจากเมืองหลวง แต่ก็ยังขาดความรู้ทางการเกษตรที่ถูกต้องเหมาะสมกับพื้นที่ เนื่องจากราษฎรชาวไทยภูเขาสร้างผลผลิตทางการเกษตรโดยการทำไร่หมุนเวียน ซึ่งเป็นการใช้ที่ดินและทรัพยากรทางธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง ได้ผลผลิตน้อย ไม่พอกิน และไม่มีรายได้ ทั้งยังตัดไม้ทำลายป่า ทำให้สภาพป่าต้นน้ำของแม่น้ำยมถูกบุกรุก แผ้วถาง ขยายเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ หากปล่อยทิ้งไว้จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศของป่าต้นน้ำ นำไปสู่การเกิดภัยแล้ง อุทกภัย และดินถล่ม

             จากปัญหาที่เกิดขึ้น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้พระราชทานพระราชดำริ ขณะที่พระองค์เสด็จพระราชดําเนินไปทอดพระเนตรพื้นที่ป่าที่เสื่อมโทรมบริเวณดอยผาจิ ดอยผาช้าง และดอยผาวัว ตําบลขุนควร อําเภอปง จังหวัดพะเยา เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ความบางตอนจากพระราชเสาวนีย์ ดังนี้

“…ประชาชนยังไม่เข้าใจว่า ป่ามีความสำคัญกับน้ำอย่างมาก

ถ้าถางป่าหมดก็จะเกิดความแห้งแล้ง เขาไม่เชื่อกัน ไม่เข้าใจกัน ต่างประเทศเขาพยายามฝึก

ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ ต้องให้คนเข้าใจว่า ป่าคือความสำคัญด้วย ถ้าถางเตียน โล่ง

จะไม่มีอะไรดีขึ้น นักวิทยาศาสตร์เขาสันนิษฐาน ว่าอีก 10 ปี คนจะเริ่มรู้สึกว่าน้ำจืดเป็นของหายากมาก ๆ

อาจทำให้เกิดสงครามแย่งชิงน้ำได้ ที่ภาคอีสานราษฎรเขาเล่าให้ฟังว่า เขาตัดไม้

ยึดพื้นที่ได้ 50 กว่าไร่ แต่เขาทำมาหากินแค่ 5 ไร่ ข้าพเจ้าก็บอกว่า เสียดายว่าทำไมทำกินแค่ 5 ไร่

เขาบอกว่ามันไม่มีน้ำ ข้าพเจ้าก็บอกว่า ถ้าตัดป่าก็จะยิ่งทำให้ไม่มีน้ำ น้ำก็จะเริ่มแห้งลงไป

บ่อเกลือก็ผุดขึ้น น้ำที่เหลืออยู่น้อยก็จะเค็มใช้ไม่ได้ เราต้องช่วยเขา ถ้าเราช่วยเขาแล้วไม่สำเร็จ

เขาคงไปบุกป่าใหม่… ให้เขามีฐานะดี… เก็บน้ำไว้ในบ้านเราเยอะ ๆ ”

และ “… ที่นี่มีธนาคารข้าวหรือยัง ให้สร้างธนาคารข้าวทั้ง ๒ หมู่บ้าน

สอนเขาให้เหมือนธนาคารการเงิน….”

             ด้วยความที่ทรงห่วงใยชีวิต ความเป็นอยู่ของราษฎร จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งสถานีพัฒนาการเกษตรพื้นที่สูงตามพระราชดําริ บ้านสันติสุข บ้านขุนกําลังขึ้น ทำหน้าที่ฟื้นฟูระบบนิเวศของป่าต้นน้ำให้สมบูรณ์ และเพื่อให้เป็นวิทยาลัยชุมชน ในการให้ความรู้แก่ราษฎรด้านการเกษตรที่ถูกหลักวิชาการ โดยการใช้ที่ดินอย่างจํากัดแต่ให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น เพียงพอที่จะเลี้ยงตนเองได้ โดยให้ยึดถือแนวพระราชดําริเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักในการดําเนินงาน และในการสร้างงานให้ราษฎรมีอาชีพ มีรายได้ ทั้งนี้ ให้สอดคล้องกับนโยบายหลักของรัฐบาล ในอันที่จะขจัดปัญหาความยากจนและการว่างงาน ให้ราษฎรมีงานทํา เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตลอดจนให้อนุรักษ์แหล่งต้นน้ำสำคัญ คือ ลําน้ำสาว ลําน้ำควร ลําน้ำคาง ลําน้ำขาม และลําน้ำตอง ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำยมไว้ จากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถป้องกันวิกฤตการขาดแคลนน้ำได้เป็นผลสำเร็จ จวบจนถึงปัจจุบัน

เส้นทาง : สถานีพัฒนาการเกษตรพื้นที่สูงตามพระราชดําริ บ้านสันติสุข-บ้านขุนกําลัง

ตําบลขุนควร อําเภอปง จังหวัดพะเยา